ความหลากหลายของสินค้าและบริการค้าปลีก

ความหลากหลายของสินค้าและบริการค้าปลีก

โดย ฐานิกาพานิช
ผู้เขียนเองเป็นผู้ประกอบการรายใหม่สำหรับการเปิดร้านค้าปลีก จึงจำเป็นที่จะต้องศึกษาหาความรู้ทางด้านการค้าปลีกด้วยตนเองจากเว็บไซต์ต่างๆอยู่เสมอ และเมื่อได้อ่านแล้วรู้สึกว่ามีประโยชน์ก็อดที่จะถ่ายทอดต่อไปให้กับคนอื่นๆที่อาจจะแสวงหาความรู้ด้วยวิธีเดียวกัน สำหรับบทความนี้เกิดจากการที่ผู้เขียนได้เข้าไปอ่านในเว็บไซต์ของ MAKRO และพบว่าเป็นสิ่งดีๆที่ขออนุญาตนำมาแบ่งปัน

แม็กโครบอกว่า หลังจากที่เจ้าของร้านค้าปลีก ได้เรียนรู้แนวทางการเลือกทำเลที่ตั้งร้านค้า หรือการเพิ่มความใส่ใจกับปัจจัยต่างๆ ในบริเวณที่ตั้งร้านค้าของท่าน รวมถึงการทำความเข้าใจ กลุ่มลูกค้าเป้าหมายของท่านว่าเป็นใคร ท่านก็จะสามารถเลือกสินค้าและบริการ เพื่อนำเสนอให้สอดคล้อง และตรงกับความต้องการของลูกค้า โดยมีหลักการพิจารณาดังต่อไปนี้

สินค้าภายในร้าน 4 กลุ่มสินค้าหลัก

แม็กโครแนะนำว่า สินค้าที่ควรนำมาพิจารณาเพื่อใช้เป็นแนวทาง ในการเลือกซื้อสินค้าเพื่อมาจำหน่ายที่ร้านคือ

1.กลุ่มสินค้าพื้นฐาน

■สินค้าบริโภคที่จำเป็นในชีวิตประจำวัน

■สินค้าสำหรับกลุ่มลูกค้าทั่วไป เช่น ข้าว, ซีอิ๊ว, น้ำปลา, น้ำตาลทราย

■สินค้าอุปโภคที่จำเป็นในชีวิตประจำวัน

■สินค้าอุปโภคภายในบ้าน เช่น ผงซักฟอก, น้ำยาล้างจาน, กระดาษชำระ

■สินค้าอุปโภคส่วนบุคคล เช่น สบู่, ยาสระผม, ยาสีฟัน, แปรงสีฟัน

■สินค้าอุปโภคอื่นๆ เช่น เครื่องเขียน, ภาชนะในครัวเรือน

■สินค้าบริโภค/อุปโภค ที่ซื้อเพื่อความพึงพอใจ

■สินค้าบริโภค เช่น บุหรี่, เครื่องดื่มแอลกฮอลล์, ขนมขบเคี้ยว, ลูกอม, ไอศครีม

■สินค้าอุปโภค เช่น โลชั่นบำรุงผิว, ครีมเปลี่ยนสีผม, ของเล่นเด็ก


2.กลุ่มสินค้าใหม่

กล่าวถึงสินค้าใหม่ ที่มีการทำโฆษณาทางทีวี วิทยุ และหนังสือพิมพ์ ทำให้มีลูกค้าถามถึงสินค้าดังกล่าว เจ้าของร้านค้าปลีก ควรพิจารณานำมาจำหน่ายที่ร้าน ในปริมาณที่พอเหมาะก่อน โดยการทำประชาสัมพันธ์ เช่น การติดป้ายแนะนำสินค้าใหม่ พร้อมทั้งติดตามยอดขาย และปริมาณความต้องการของลูกค้า


3.กลุ่มสินค้าเทศกาล

โดยส่วนใหญ่จะเป็นสินค้าที่ควรนำมาจำหน่ายที่ร้าน ในแต่ละช่วงเทศกาลเช่น กระดาษห่อของขวัญ ในช่วงเทศกาลปีใหม่, ธูปเทียน และเครื่องสังฆทาน ในช่วงวันสำคัญทางศาสนา, น้ำอบและดินสอพอง
ในช่วงวันสงกรานต์


4.กลุ่มสินค้าเฉพาะ/พิเศษ

ของร้านนั้นๆ เป็นการสร้างความแตกต่างให้กับร้านค้า และร้านคู่แข่ง โดยนำเอาสินค้าเฉพาะ หรือพิเศษมาจำหน่ายที่ร้านเพื่อดึงดูดความสนใจของลูกค้า อาทิเช่น สินค้าสมุนไพร, ขนมพื้นบ้าน แต่ทั้งนี้จะต้องคำนึงถึงว่าเป็นสินค้าที่ตรงกับความต้องการของกลุ่มลูกค้าของร้านด้วยเช่นกัน ดังนั้นการพูดคุยกับลูกค้าก็จะช่วยทำให้เจ้าของร้านได้ข้อมูล เพื่อนำมาพิจารณาในการเลือกซื้อสินค้าเข้าร้าน


นอกเหนือจาก 4 กลุ่มสินค้าหลักที่กล่าวแนะนำเบื้องต้นแล้ว ประเภทและการจัดเรียงสินค้าเอง ก็ยังมีความสำคัญต่อพฤติกรรมการเลือกซื้อสินค้าของลูกค้า อันสามารถจำแนกออกได้เป็นสาเหตุหลัก 4 ประการคือ

1.Needs สินค้าที่ซื้อเพราะความจำเป็นต้องซื้อ เช่น ข้าวสาร, น้ำมันพืช, น้ำปลา, นม, สบู่, ยา เป็นต้น

2.Wants สินค้าที่ซื้อเพราะความอยากได้อยากมี ส่วนใหญ่เป็นกลุ่มสินค้าบริโภค อุปโภคโดยทั่วไป

3.Impluse สินค้าที่ซื้อโดยไม่ได้ตั้งใจ ส่วนใหญ่เป็นสินค้าที่สร้างความเพลิดเพลิน เช่น ลูกอม, ไอศครีม

4.Promotion สินค้าที่ซื้อเพราะถูกล่อใจ ด้วยรายการส่งเสริมการขาย


การนำเสนอบริการเสริม

ในปัจจุบันการนำเสนอเฉพาะสินค้าเพียงอย่างเดียวภายในร้านอาจจะไม่พียงพอต่อความต้องการของลูกค้า ดังนั้นการเพิ่มบริการเสริม จึงเป็นอีกปัจจัยในการดึงดูดลูกค้าให้มาที่ร้าน และเพื่อที่จะสามารถตอบสนองความต้องการของลูกค้า ทั้งทางด้านตัวสินค้า และบริการที่เป็นที่ต้องการ อันมีหลากหลายประเภท เช่นการให้บริการรับชำระค่าน้ำ-ค่าไฟ, ค่าโทรศัพท์, บัตรเครดิต, การรับถ่ายเอกสาร, ส่งแฟ็กซ์,
บริการตู้ซักผ้า/ตู้น้ำดื่มหยอดเหรียญ, บริการเติมเงินโทรศัพท์มือถือ และอื่นๆ


ขอขอบคุณข้อมูลดีดีจากแม็คโคร http://www.siammakro.co.th/mail/food_MRA_know.php

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น